close
Night Stay

Sheraton Hua Hin Resort And Spa ทุกนาทีคือการพักผ่อน

123

ทะเลเที่ยวได้ทุกฤดู … ใครบางคนกล่าวไว้

เราเองมีโอกาสไปหัวหินปีละหลายๆรอบ  แต่เชื่อไม๊ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้มาพักที่ Sheraton Hua Hin Resort and Spa  รีสอร์ตสวยๆติดทะเลค่ะ  ได้แต่ขับรถผ่านไปผ่านมาหน้าโรงแรมมาแสนนาน  …

 

ทริปมีเวลาอยู่ที่นี่กัน 3 วัน 2 คืน ตั้งใจที่จะมาพักผ่อนกันอย่างเต็มที่   จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในรีสอร์ตค่ะ แทบไม่ได้ออกไปไหนเลย   เนื่องจากทำงานติดกันเป็นเวลาหลายวัน  แถมวันก่อนมาที่นี่มีโต้รุ่งอีก …

 

ที่นี่เป็นอีก 1 ที่พักในแถมหัวหิน-ชะอำที่อยากแนะนำเลยค่ะ  ค่อยๆดูรายละเอียดในรีวิวไปนะคะแล้วจะรู้ว่าที่นี่เหมาะแก่การชาร์ตแบตเพิ่มพลังชีวิตอย่างไร..

พูดถึงความเป็น Sheraton แว๊ปแรกเราคงจะต้องคิดว่าราคาต้องแรงแน่ๆ  แต่จริงๆแล้วที่ Sheraton Hua Hin Resort and Spa ราคาไม่ได้แรงขนาดน้าน… ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3000 นิดๆ (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาพักและโปรโมชั่น )  ซึ่งสำหรับหัวหินและติดทะเลแล้วราคาแบบนี้รับได้ค่ะ

มาถึงก็เริ่มตื่นเต้นเล็กน้อยกับความกว้างขวางของรีสอร์ต  ที่นี่มีอาคารห้องพักสูง2 ชั้นจำนวน 8 ตึกมีห้องอาหารถึง 5 ห้อง และสระว่ายน้ำ เป็นแบบแบบลากูนความยาว ประมาณ 500 เมตร….ยาวมากกกกกก

นอกจากนี้ยังมี Kids Club / Spa และห้องประชุมจัดเลี้ยงที่รองรับแขกได้พอๆกับโรงแรมที่กรุงเทพได้เลยนะคะ

ภายในรีสอร์ตจะใช้บริการ Buggy หรือเดินก็ได้ออกกำลังกายดีนะคะ  ส่วนมากเรา 2 คนจะเดินค่ะ

บรรยากาศในรีสอร์ตร่มรื่น  มีความเขียวของต้นไม้และความสดชื่นของสายน้ำ

ตึกที่เราพักคือตึกที่ 7 เดินไปเกือบถึงทะเล

ระหว่างทางเดินจะมีที่นั่งพัก นอนอาบแดดเป็นระยะๆ

เดินมาเรื่อยๆจนถึงสระเด็กตรงจุดนี้ตึกเราเลี้ยวไปทางขวาค่ะ  ไปดูห้องพักแบบต่างๆกันค่ะ

 

Lagoon Access

ห้องที่พักสำหรับเรา 2 คืนนี้จะเป็นห้องแบบ Lagoon Access   ซึ่งจะอยู่ชั้นล่างฝั่งที่ติดกับสระน้ำของทุกตึก  สามารถลงน้ำจากหน้าห้องเราได้เลยค่ะ

บรรยากาศภายในห้องจะเป็นแบบอบอุ่น..น่านอนตลอดเวลา

มีโต๊ะทำงานให้ด้วย  แต่งานที่เราหอบมาก็ไม่ได้เอาออกมาทำ 555+++

นอนแช่น้ำตรงนี้มองเทะลุไปถึงสระว่ายน้ำและสวนด้านนอกกันเลยค่ะ

มันดีแค่ไหนที่ได้ลงน้ำบ่อยเท่าที่ต้องการจากหน้าห้องของเราเอง…

Welcome Fruit ในจานนั้นเหมือนกันว่าจะมีเติมให้ในคืนที่ 2 ด้วยนะคะ  อันนี้ไม่แน่ใจ..

Lagoon View

จะเป็นห้องพักที่อยู่ชั้น 2 บน Lagoon Access ค่ะ  ทั้งขนาดห้อง  การตกแต่งเหมือนกับห้อง Lagoon Access mกประการ   ต่างกันตรงที่เดินลงน้ำเลยไม่ได้  ได้แต่นั่งมองวิวจากชั้น 2 แค่นั้นเองค่ะ

ก็จะสบายตากันไปอีกแบบนึงนะคะ

ภายในห้องน้ำ มีส่วนชาว์เวอร์

และแช่น้ำไปมองวิวได้ถึงยอดมะพร้าวเลยค่ะ

 

Green Terrace

ห้อง Green Terrace จะเป็นห้องชั้นล่าง  อยู่คนละฝั่งกับ Lagoon Access  ต่างกันตรงที่หน้าห้องจะได้วิวสวนค่ะ เขียวๆกันไป

แต่ราคาจะดีต่อใจมากที่สุดในห้อง 3 แบบทั้งหมด

ทั้งขนาดห้อง อุปกรณ์ในห้องเหมือนกันทุกอย่าง  ..เพียงแต่ถ้าอยากเล่นน้ำต้องเดินไปที่สระเท่านั้นเองค่ะ..

เลือกได้ตามงบประมาณและความสะดวกที่ต้องการได้เลยค่ะ

Ocean Front

แต่ถ้างบสูงซักนิด Ocean Front น่าจะเป็นคำตอบ  หน้าห้องไม่ใช่สระว่ายน้ำ แต่เป็นทะเลค่ะ ส่วนแรกเป็นห้องนั่งเล่น

ส่วนห้องนอนก็ยังคงนอนดูทะเลใสๆกันจากบนเตียงเต็มๆตา

 

ห้องน้ำกว้างขวาง

แอบมีมุมทำงานเล็กๆ

ความชิลล์ขั้นสูงสุดหากนอนอยู่ตรงนี้นะคะ

 

ไปดูส่วนอื่นๆกันค่ะ  ตึกที่เห็นนี้เป็นตึกที่เป็น Lobby บนชั้น 2 ส่วนชั้นล่างจะเป็นห้องอาหาร 2 ห้องค่ะ และขั้น RoofTop เป็นจุดที่ชมวิวสวยอีกจุดหนึ่งของที่นี่ค่ะ

ในวันที่อากาศดีๆ บนนี้คือดีมากค่ะ

เป็นมุมมหาชนของที่นี่  ที่ใครๆก็ต้องขึ้นมาชมวิว

ชนนนน….

ที่นี่ไม่ได้มีแค่สระน้ำแบบ Lagoon ที่ผ่านตามแต่ละตึกเท่านั้นนะคะ  สระหลักของที่นี่ก็ใหญ่ไม่แพ้รีสอร์ตไหน

 

ตรงนี้เป็นสวรรค์ในการนอนอาบแดดของชาวต่างชาติเลยค่ะ

 

หาดกว้างยาวเป็นกิโลๆเลยค่ะ

สำหรับสาวไทยอยู่ในร่มเท่านั้น

สวยสงบมากจริงๆ

 

อาหารเช้าที่ห้องอาหาร The Desk

ก่อนเข้าห้องอาหารจะมีน้ำสุขภาพหมุนเวียนให้เราดื่มก่อนทานอาหาร

ไลน์อาหารที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย

Station ไข่ อยากทานแบบไหนบอกค่ะ

อาหารร้อนอื่นๆที่มีหมุนเวียนไป เช่นไส้กรอก เบค่อน กราแตง ผักขมอบชีส ฯ

ตรงนี้เป็นน้ำเต้าหู้  มีปาท่องโก๋แถมมาด้วย

ชีส

สลัด

ทำวาฟเฟิลกันใหม่ๆ

ข้าวต้ม /โจ๊ก

มีข้าวกล้องให้เลือกทานด้วยค่ะ

กาแฟร้อนๆๆๆ

พร้อมแล้ว…ทานได้ค่ะ

 

ห้องอาหาร Luna Lanai

อาหารค่ำที่ Luna Lanai ที่นี่เน้นอาหารซีฟู้ดและอาหารไทยค่ะ  เดินผ่านส่วนสระว่ายน้ำไปทางทะเลค่ะ

บรรยากาศห้องอาหารนี้ดีมากๆค่ะ เป็นห้องอาหารที่ติดทะเล ที่นั่งจะค่อนข้างเต็มต้องจองก่อนนะคะ

มีมุม Seafood สดๆด้วย

เราจองโต๊ะกันไว้แล้วค่ะ  สั่งอาหารไว้แล้วด้วย  พร้อมทานกันเลย

จานแรกเป็นแกงหน่อสัปปะรดทะเล ..จริงๆปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบผลไม้ที่มาทำเป็นแกงหรืออาหารคาว แต่จานนี้ต้องยอม… มันอร่อยมาก ด้วยตัวสัปปะรดที่มีรสหวานเมื่อนำไปแกงกับเครื่องแกงคั่วที่หอมเครื่องแกงมาก ทานไปทานมาหมดไม่รู้ตัว

ปูผัดผงกระหรี่..  จานนี้อาจจะทานลำบากนิดนึง ต้องแทะปูกันไป  แต่ที่สั่งมาเพราะอยากชิมน้ำซอสผงกระหรี่ เชฟผัดมาแบบน้ำไม่นอง  ไม่มีน้ำมันลอยหน้า  รสชาติเข้มข้นค่ะ

ยำวุ้นเส้นทะเล..  เหมือนว่าจะเป็นอาหารที่หาทานกันได้ง่ายๆทั่วๆไป   ทำไมต้องมาสั่งที่ Sheraton..555+++   จานนี้ถูกใจเรา 2 คนมากวุ้นเส้นมาแบบไม่เละ น้ำยำที่ปรุงมากลมกล่อมเลย..

ปิดท้ายของคาวด้วยปลาทรายทอดขมิ้น   ทอดมาแบบข้างนอกกรอบนิดๆ แต่ข้างในยังนุ่มอยู่ค่ะ

แต่ยังคงเหลือที่ไว้ให้ข้าวเหนียวมะม่วงนะคะ

 

Luna Lanai ไม่ได้เปิดบริการทุกมื้อและทุกวันนะคะ  เช็คเวลาเปิดปิดได้จากที่โรงแรมโดยตรงค่ะ

 

 

ห้องอาหาร Sun Dara

อยู่ชั้นเดียวกับ Lobby ค่ะ จะเป็นมุมนั่งพูดคุย เล่นเกมส์ ดูบอล อะไรก็ได้ตามใจลูกค้าค่ะ

 

แถมมีอาหารให้ทานด้วยนะคะ

จานแรกเป็น Jumbo Combo to Share  ประกอบไปด้วย  Spicy Curly Fried / ปอเปี๊ยะผัก / ปีกไก่ทอดซอสบาบีคิว และ  Chilli Con Carne  ( เป็นสตูเนื้อแบบเผ็ด )

Chilli Con Carne

ซี่โครงหมู

Beef Burger ที่เด็ดคือขนมปังชาร์โคล

โปรดดูความฉ่ำ

 

แต่ความเด็ดทั้งมวลมาจบที่ข้าวกะเพราหมูสับ+ไข่ดาวจานนี้

กับน้ำมะพร้าวเย็นๆ

หรือจะ Smoothies

บรรยากาศตอนค่ำๆก็เหมาะกับการนั่งหาอะไรเย็นๆดื่มนะคะ

 

Lobby ก็ดูสวยงาม

เดี๋ยวจะพาลงไปอีกห้องอาหารนึงข้างล่างค่ะ

 

ห้องอาหาร InAzai

อยู่ติดกับ The Deck ที่ทานอาหารเช้านะคะ  เราไปช่วงวันธรรมดา  เลยได้มีโอกาสไปทาน InAzia Asian Dinner Buffet  ที่รวมอาหารอินเดีย จีน และญี่ปุ่นมาไว้ในบุฟเฟ่ต์ค่ะ

สามารถทานบุฟเฟ่ต์ในราคา 712 บาทเน็ต

ที่ห้องอาหารนี้ปกติก็จะเน้นขายอาหารอินเดีย จีน และญี่ปุ่นนะคะ

 

 

ปกติเป็นคนที่ไม่ถนัดอาหารอินเดียซักเท่าไหร่  แต่มาที่นี่ทานได้สบายๆค่ะ

ไลน์บุฟเฟ่ต์จะไม่ได้อลังมาก

แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ

อาหารญี่ปุ่นก็จะทะยอยทำออกมาเรื่อยๆค่ะ

หมูทอด

ไก่เทริยากิ

เป็นโรลที่มีเป็ดด้านในค่ะ ราดซอสหวานๆ

ขนมอร่อย

 

มีการผัดผักกันแบบไฟลุกเลย  อาหารจีนค่ะ

 

ห้องอาหาร Salas

ที่นี่เน้นเป็นอาหารง่ายๆจำพวกพิซซ่า สลัด ตั้งอยู่ตรงกลางๆระหว่างตึก 2 ฝั่งค่ะ

Smoked Salmon Salad  สลัดผักรวมกับปลาแซลมอนรมควัน

Bruchetta ขนมปังอบด้านบนมีมะเขือเทศสับ มอสซาเรลล่าชีส คลุกเคล้ากับใบโหระพาและน้ำมันมะกอก

พิซซ่าอบกันใหม่ๆ

พิซซ่าพาร์มาแฮมและมอสซาเรลล่าชีส

โรยหน้าด้วยผักร๊อกเก็ต

ชีสยืดๆๆ

นั่งทานริมสระแบบนี้ก็สบายไปอีกแบบค่ะ

Fettuchini with Crab Meat  เฟตตูชินีเนื้อปูกับซอสมะเขือเทศ   จานนี้ถูกปากคนไทยแน่นอนค่ะ

ปิดท้ายด้วย Pina Colada เหมาะแก่การมาทานที่ทะเลมาก…

 

Shine Spa

มาถึงที่นี่แล้วเราต้องไม่พลาด Shine Spa for Sheraton

บรรยากาศสดใสๆสดชื่น

พนักงานพร้อมให้คำแนะนำอย่างดี

วันนี้เราจะทำทรีตเมนท์ที่เป็น Signature  ของที่นี่ จะเป็นการผสมผสานระหว่างลูกประคบของไทยกับการนวดน้ำมัน

เราจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ

ห้องทรีตเมนท์สวยงาม เป็นห้อง Suite

มีอ่างจากุซซี่ในห้องด้วยค่ะ  แต่ไม่มีเวลาแช่ 555++

การใช้ลูกประคบร้อนๆในการทำทรีตเมนท์แบบนี้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวคลายความเหนื่อยล้าได้ดีทีเดียวค่ะ

 

Star Club

เป็นโลกของเด็กๆ

เปิดบริการ 9.00 น. – 18.00 น.นะคะ

มุมนี้เด็กชอบมาก…เราเองก็ชอบมากเช่นกัน

แม่ๆสามารถพาลูกมาปล่อยจินตนาการกันได้ที่นี่เลยค่ะ

 

3 วัน2 คืนสำหรับการพักผ่อนแบบจริงจังที่ Sheraton Hua Hin Resort and Spaของเราเวลาผ่านไปไวมากๆ   เราใช้ชีวิตหมกตัวอยู่แต่ในรีสอร์ตค่ะ    เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน  อาหารก็ อร่อย แถมราคาพอๆกับไปทานร้านดีดีข้างนอกเลย  แต่เราไม่ต้องเสียค่าน้ำมันรถขับออกไป  …ดีไปอีก

สำหรับท่านที่สนใจอยากมาพักที่นี่ ลองติดตามโปรจากทางรีสอร์ต หรือจากงานท่องเที่ยวต่างๆ อาจจะพบกับราคาพิเศษที่น่าพอใจหรือมีของแถมพิเศษๆนะคะ

สำหรับเราถือว่าทริปนี้ไม่ผิดหวังกับรีสอร์ตที่รอคอยจะมาเนิ่นนานหลายปี  ต่อไปจะไม่ใช่แค่รีสอร์ตที่ขับรถผ่าน  แต่จะเป็นรีสอร์ตที่ถ้ามีโอกาสคงจะได้แวะเวียนกลับมาอีกหลายๆครั้ง

 

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมรีวิวนะคะ

https://www.facebook.com/Alwaysgotogether/

 

 

 

 

 

Tags : HolidayHotelHua HinRestaurantSheraton Hua Hin Resort & SpaSpa
alwaysgo

The author alwaysgo

Leave a Response